ยันต์พระพุทธเจ้าซ่อนหา
#ยันต์พระพุทธเจ้าซ่อนหา
ก่อนที่พระศิวะจะเป็นมหาเทพอย่างที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ ในชาติหนึ่งพระศิวะเคยเสวยชาติเป็นมนุษย์มาก่อนครับ ได้บวชและบำเพ็ญตนจนหมดอายุไข หลังจากนั้นก็ได้เกิดมาเป็นเทพอยู่บนสวรรค์ จากนั้นก็ได้บำเพ็ญตนโดยการช่วยเหลือคนในโลกมนุษย์อยู่ตลอด เมื่อหมดอายุไขด้วยการทำความดี พระศิวะจึงได้มาเกิดเป็น "พรหม" มีชื่อว่า "ท้าวพกาพรหม" และเมื่อเกิดเป็นพรหมแล้วก็ได้หลุดพ้นจากการ เวียนว่ายตายเกิด เมื่อท้าวพกาพรหมได้หลุดพ้น แล้วซึ่งการเวียนว่ายตายเกิด ท้าวพกาพรหม ได้อยู่มานานเกินไปได้อยู่อย่างสุขสบาย มีแต่ความสุขไม่มีทุกข์จนทำให้ตนเองนั้นหลงลืมไปว่าในอดีตนั้น ตนมีความยากลำบาแค่ไหนกว่าจะได้มาเป็น พรหม จึงคิดว่าตนนั้นยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่ง ในขณะนั้นเองพระพุทธเจ้าได้บำเพ็ญตนอยู่ ได้ทรงตรวจดูด้วยสัพพัญญุตาญาณ ก็เห็นว่าท้าวพกาพรหมมีจิตมิจฉาทิฎฐิ ก็คือ หลงเชื่อว่า พรหมโลกนี้เที่ยง ยั่งยืน มั่นคง มีความไม่เคลื่อนเป็นธรรมดา และพระพรหมนี้ไม่ต้องเกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่เคลื่อน ไม่อุบัติ การได้เกิดเป็นพรหมนี้พ้นทุกข์ พระองค์ทรงหายตัวเสด็จไปยังพรหมโลก พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสสอนท้าวพกาพรหมว่า "ดูก่อน พรหมผู้เจริญ ท่านกล่าวว่าสิ่งที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง กล่าวว่าสิ่งที่ไม่ยั่งยืนว่ายั่งยืน กล่าวว่าสิ่งที่ไม่มั่นคงว่ามั่นคง กล่าวว่าสิ่งที่ไม่แข็งแรงว่าแข็งแรง กล่าวว่าสิ่งที่มีความเคลื่อนเป็นธรรมดาว่ามีความไม่เคลื่อน พรหมโลกนี้มีทั้งเกิด ทั้งแก่ ทั้งตาย ทั้งจุติ ทั้งอุบัติอยู่เป็นปกติ แต่ท่านกลับกล่าวว่าพรหมโลกนี้ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่จุติ ไม่อุบัติ ดูก่อน ท่านผู้เจริญท่านกำลังหลงในอวิชชาแล้วหนอ" ท้าวพกาพรหมนั้นไม่ฟัง ได้เจรจาอวดอ้างและท้าทายมหิทฤทธานุภาพของตนว่าเหนือกว่าผู้ใด ตนนั้นเป็นผู้สร้างทุกสรรพสิ่งและไม่มีสิ่งใดในสากลจักรวาลซ่อนเร้นทิพยจักษุของเราได้ พระพุทธองค์ทรงรับคำท้าแล้ว พกาพรหมก็หายตัวไปเพียงครู่เดียว
ครั้งแรกท้าวพกาพรหมจำแลงตนเป็นนก เพียงครู่เดียวพระพุทธเจ้าก็มีพุทธดำรัสว่า พกาพรหมท่านต้องการเป็นนกหรือ
ครั้งที่สองก็จำแลงตนเป็นผึ้ง เพียงครู่เดียวพระพุทธเจ้าก็มีพุทธดำรัสว่า พกาพรหมท่านต้องการเป็นผึ้งหรือถึงได้เที่ยวตอมดมดอกไม้อยู่
ครั้งสุดท้ายพกาพรหมได้จำแลงตนให้ละเอียดลงถึงขั้นกลายเป็นเม็ดทรายสอดแทรกในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ ถึงกระนั้นเพียงครู่เดียวก็มีพระพุทธดำรัสว่า พกาพรหมท่านไม่ต้องการเสวยสุขบนสวรรค์แล้วหรือจึงได้ไปแฝงตัวซ่อนเร้นอยู่ในเม็ดทรายในมหาสมุทร
พกาพรหมนั้น ยังไม่ละทิฎฐิ ท้าทายให้พระพุทธองค์ทรงหายตัวบ้าง พระทศพลญาณก็หายตัวไปทันใด พกาพรหมนั้นก็ได้เข้าฌาณส่องทิพยจักษุญาณไปยังโลกธาตุต่างๆ เข้าไปยังนิคม ในบ้าน ในราชฐาน ในภูเขา ในแผ่นดินฟากโน้น แผ่นดินฟากนี้ ในแอ่งน้ำ แม่น้ำ ในมหาสมุทร ในโลกมนุษย์ ครั้นไม่พบก็ ส่องทิพยจักษุญาณไปยังโลกธาตุอื่น ในอบายภูมิ ในเทวโลกทั้ง6ชั้น ส่องไปในพรหมโลกทั้งหลาย ตลอดจนโลกธาตุและธาตุอันละเอียด ก็หาพระจอมไตรไม่พบ จึงยอมพ่ายแพ้ กล่าวขอให้พระผู้มีพระภาคเจ้าปรากฎตัวออกมา ทันใดนั้น พระโลกนาถก็ตรัสขึ้นว่า "พกาพรหม ตลอดเวลาที่ท่านหาเราอยู่นั้น เราเดินจงกรมอยู่เหนือเศียรของท่าน หลังจากนั้นท้าวพกาพรหมได้ยอมสักการะบูชาพระพุทธเจ้า เรื่องราวความเป็นมาของท้าวพกาพรหมก็เป็นแบบนี้เองครับ
ต่อมาผมจะเล่าถึงในมุมของการสักยันต์บ้างนะครับ เรื่องท้าวพกาพรหมนั้น เป็นที่มาของ ยันต์พระพุทธเจ้าเล่นซ่อนหาที่ใช้ในทางล่องหนหายตัว กำบังกาย แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
คาถาพระพุทธเจ้าซ่อนหาของ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จากหนังสือ กิตติคุณหลวงพ่อเดิม ธนิต อยู่โพธิ์ เรียบเรียง
นะ ห้าม โม ปิด พุท มิดหัว
ทา ล้อมตัว ยะ ซ่อนหัว หายตัวบัดนี้
นะ จงงง โม จังงัง พุท กำบัง
ทา ละลาย ยะ สูญหาย อนัตตา สูญเปล่า
หลวงพ่อเดิมบอกไว้ว่า ทำใจให้มั่นอย่าสงสัยภาวนาก่อนออกจากบ้าน ทำให้โจรโขมยหาทางเข้าบ้านไม่ได้ ออกไปนอกบ้านแคล้วคลาดปลอดภัย ศัตรูมาปองร้าย หรือดักรอจะมองไม่เห็น ทำใจให้มั่นเดินฝ่าไปเลย
#ลูกศิษย์แฮปปี้อาจารย์ก็แฮปปี้
#อาจารย์เป้ ศาสตร์ตรีเทพ
#อาจารย์เป้ Life Map Coach
ดูดวงฟรี 1 คำถาม
รับให้คำปรึกษาเรื่องดูดวง สักยันต์ ฤกษ์ยาม และพิธีกรรมต่างๆ
ฝากกดติดตามเผจ https://www.facebook.com/อาจารย์เป้-Life-Map-Coach-100551585112277/
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น